
รู้จัก「いろは歌」อย่างนุ่มนวล ในฤดูใบไม้ร่วง

เมื่อความร้อนของฤดูร้อนค่อย ๆ จางไปในญี่ปุ่น ตอนกลางคืนเริ่มเย็นจนอยากสวมเสื้อคลุมบาง ๆ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี อากาศเงียบสงบ มีความเหงาอ่อน ๆ แผ่วผ่าน
ในฤดูที่สัมผัสได้ถึง “การเปลี่ยนผ่าน(移(うつ)ろい)” ดอกไม้ผลิดอกแล้วก็โรยรา สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง จากภาพฤดูใบไม้ร่วงนี้ เรามาทำความรู้จักบทกวีเก่าของญี่ปุ่น คือ 「いろは歌(いろはうた)」 กันเถอะ
「いろは」 ไม่ได้เป็นเพียงลำดับตัวอักษร แต่ยังบรรจุหัวใจและมุมมองต่อชีวิตของผู้คนไว้ในถ้อยคำที่เรียบง่ายและงดงาม
「いろは」คืออะไร
ในภาษาญี่ปุ่น 「いろは」 เป็นคำเก่ามาก ก่อนจะมีลำดับ “あ・い・う・え・お(a‑i‑u‑e‑o)” แบบปัจจุบัน ผู้คนใช้ลำดับ 「いろはにほへと……」(iroha nihoheto …) ลำดับนี้เรียกว่า 「いろは順(いろはじゅん)」
บทความนี้ใช้คำอธิบายที่อ่านง่าย ส่วนคำศัพท์ทางประวัติศาสตร์จะสรุปไว้ใน “บันทึกคำศัพท์(用語メモ)” ด้านท้าย
ความหมายสองชั้นของ 「いろは」
-
ลำดับอักษร
→ ใช้จัดเรียงตามลำดับ 「い・ろ・は・に・ほ・へ・と…」
พจนานุกรมและบัญชีรายชื่อสมัยก่อนก็ใช้ลำดับนี้ -
พื้นฐานของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
→ เช่น 「いろはを学ぶ」(เรียนพื้นฐาน)、「仕事のいろはを教える」(สอนพื้นฐานของงาน)
คล้ายกับ “ABC” ในภาษาอังกฤษ
「いろは」 ยังมีความหมายว่า “ขั้นต้น・พื้นฐาน(初歩・基本)” ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น 「〜のいろはを学ぶ」 แปลว่า “เรียนพื้นฐานของ 〜”
ประวัติย่อของลำดับ いろは
เชื่อกันว่าเกิดขึ้นในสมัยเฮอัน พัฒนามาจากบทกวี 「いろは歌(いろはうた)」 ที่ใช้คานะทุกตัวเพียงครั้งเดียว ต่อมาจึงถูกนำมาใช้เป็นวิธีจัดเรียง
จนถึงสมัยเอโดะ เอกสารทางการต่าง ๆ ทั้งพจนานุกรม เอกสาร กฎหมาย และบัญชีรายชื่อโรงเรียน ก็ใช้ลำดับนี้อย่างแพร่หลาย
แล้วเปลี่ยนมาเมื่อไร
ตั้งแต่ปลายสมัยเมจิ 「五十音順(ごじゅうおんじゅん)」 หรือ “ลำดับ 50 เสียง” แพร่หลายอย่างกว้างขวาง เพราะจัดตามการออกเสียง “あ・い・う・え・お(a‑i‑u‑e‑o)” จึงเรียนง่ายและค้นหาสะดวก
หลังสงคราม โลก โรงเรียน พจนานุกรม และหน่วยงานรัฐส่วนใหญ่ หันมาใช้ลำดับ 50 เสียง แต่ลำดับ いろは ก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว
ตำแหน่งของ いろは ในปัจจุบัน
ในอดีต ลำดับ いろは ใช้จัดระเบียบพจนานุกรมและกฎหมาย ทุกวันนี้ยังเห็นร่องรอยได้ในเลขมาตราต่าง ๆ
ในชีวิตประจำวันของญี่ปุ่นยังพบได้ เช่น
-
เลขมาตราในกฎหมาย
หลังจาก 「第1条」「第2条」「第3条」 อาจเห็น 「第3条のい」「第3条のろ」 เป็นต้น
เป็นวิธีสอดแทรกมาตราใหม่ระหว่างมาตราเดิม -
ชื่อห้องหรือกลุ่มในโรงเรียน
เช่น 「い組」「ろ組」「は組」
โรงเรียนประถมสมัยก่อนนิยมใช้ลำดับนี้แบ่งห้อง -
ดนตรี
นอกจาก “Do Re Mi” แล้ว ชื่อโน้ตแบบญี่ปุ่นคือ 「ハ・ニ・ホ・ヘ・ト・イ・ロ」
คำอย่าง 「ハ長調」 ก็สืบเนื่องจากระบบนี้
วิธีเรียกแบบ “イロハ” ยังใช้ควบคู่กันอยู่จนปัจจุบัน1 -
ตารางและบัญชีรายชื่อแบบดั้งเดิม
เช่น อันดับซูโม่ ระดับสายคาดศิลปะการต่อสู้ พจนานุกรมเก่า
「いろは歌」
いろはにほへと ちりぬるを
(ถึงดอกไม้จะพริ้งพรายเพียงใด ในที่สุดก็ร่วงโรย)わかよたれそ つねならむ
(บนโลกนี้ ไม่มีผู้ใดคงเดิมตลอดไป)うゐのおくやま けふこえて
(วันนี้เรายังข้ามภูเขาลึกของชีวิตอีกหนึ่งลูก)あさきゆめみじ ゑひもせず
(อย่ามัวไล่ตามความฝันตื้นเขิน อย่ามึนเมาในความหลง)
ต้นฉบับมีคานะที่ปัจจุบันไม่ค่อยใช้ คือ 「ゐ(wi)」「ゑ(we)」 นี่คือร่องรอยของวิธีเขียนคานะตามแบบประวัติศาสตร์
「いろは歌」 เขียนด้วยคานะทั้งหมด ไม่ใช้คันจิ สะท้อนวัฒนธรรมอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ของภาษาญี่ปุ่น
「いろは歌」 ใช้คานะทั้งหมดอย่างละครั้งพอดี จึงถูกใช้เป็นสื่อช่วยจำตัวอักษรมาตั้งแต่อดีต
ความเชื่อมโยงกับพุทธศาสนา
พุทธศาสนาเกิดที่อินเดีย แล้วค่อย ๆ แผ่ไปยังหลายภูมิภาคของเอเชีย
โดยสรุปมีสองเส้นทางหลัก: สายใต้ (เช่น ศรีลังกา ไทย) และสายเหนือ (ผ่านจีนและคาบสมุทรเกาหลี) เข้าสู่ญี่ปุ่น
ที่เข้ามาสู่ญี่ปุ่นเรียกว่า 「大乗仏教(だいじょうぶっきょう)」 (มหายาน) ให้คุณค่ากับคำสอนว่า “จงดำเนินชีวิตเพื่อให้ผู้คนทั้งปวงได้พ้นทุกข์”
ในญี่ปุ่น แนวคิดพุทธศาสนาได้มาพบกับธรรมชาติและบทกวี จึงถูกถ่ายทอดด้วยถ้อยคำสงบและงดงามอย่างที่เห็นใน 「いろは歌」
ความหมายและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
「いろは歌」 เป็นบทกวีพิเศษในภาษาญี่ปุ่น แม้สั้น แต่สื่อมุมมองต่อชีวิต และหัวใจที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นทะนุถนอม
ความคิดเรื่อง “ความไม่เที่ยง(無常)”
แก่นของ 「いろは歌」 คือ 「無常(むじょう)」 — ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง มิสิ่งใดคงเดิมตลอดไป
ดอกไม้บาน แล้ววันหนึ่งก็ร่วงโรย
(花は咲(さ)いても、いつか散(ち)る。)
มนุษย์เกิด แก่ และดับไป
(人も生きて、やがて年をとり、亡(な)くなる。)
สรรพสิ่งในโลก ล้วนค่อย ๆ เปลี่ยนไปเสมอ
(この世(よ)のすべては、いつも少しずつ変わっています。)
แนวคิดนี้สืบเนื่องจากพุทธศาสนา ในมหายานตามที่ถ่ายทอดในญี่ปุ่น สาระคือ “ยอมรับความเปลี่ยนแปลง และใส่ใจอยู่กับปัจจุบัน” ใจที่สงบนั้นสะท้อนอยู่ใน 「いろは歌」
ความกลมกลืนและการยอมรับ(調和)
「いろは歌」 ยังบอกเราว่า “อย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง(変化)” แม้ดอกไม้จะร่วงโรย ดอกใหม่ก็ผลิบาน เพราะทุกสิ่งมีจุดจบ เราจึงเห็นคุณค่าของปัจจุบันได้
「今を生きる」
(จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน)
นี่คือแนวคิดสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
สัมผัสได้ทั้งใน 「茶道(さどう)」 (พิธีชงชา) และ 「俳句(はいく)」 (ไฮกุ)
จิตวิญญาณของ 「調和(ちょうわ)」 เชื่อมโยงไปสู่การอยู่ร่วมกับผู้คนและธรรมชาติอย่างไม่ขัดแย้ง และแสวงหาสมดุล
วิธีดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตน(謙虚)
「いろは歌」 ยังสอนว่า “อย่าทำตนให้ยิ่งใหญ่” คนเราย่อมเปลี่ยนแปลง อำนาจและเกียรติยศไม่ยืนยาว ดังนั้น จงใส่ใจกับสิ่งตรงหน้า และมีชีวิตด้วยความกตัญญูรู้คุณ
「浅(あさ)き夢みじ、ゑひもせず」
(อย่าหลงไหลในความฝันตื้น ๆ อย่าเมามัวในความหลง)
แนวคิดนี้ส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมและบทกวีญี่ปุ่นในเวลาต่อมา ตลอดจนวิธีทักทายและการพูดในชีวิตประจำวัน
「いろは」ในบริบทเอเชีย
แนวคิดพุทธศาสนาที่อยู่เบื้องหลัง 「いろは歌」 ได้รับการให้คุณค่าในหลายประเทศเอเชีย— ไทย จีน เกาหลี เวียดนาม ศรีลังกา เมียนมา เป็นต้น คำสอนอย่าง “ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนไป” และ “ดูแลความสงบในใจ” นั้นร่วมกัน
สำหรับผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นจำนวนมากในเอเชีย การอ่าน 「いろは歌」อาจให้ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่าง แม้ภาษาแตกต่าง แต่รากของหัวใจนั้นร่วมกัน
เกร็ดสั้น ๆ
- 「いろは歌」 ใช้คานะทั้งหมด 47 ตัวอย่างละครั้ง — ใกล้เคียง “pangram” แบบคานะ
- เคยใช้เป็นสื่อฝึกคัดลายมือ การเขียนพู่กัน และการอ่านออกเสียง
- เกิดจากการพบกันของแนวคิดพุทธศาสนากับมุมมองต่อธรรมชาติของญี่ปุ่น
- จนถึงสมัยเมจิ “ลำดับ いろは” เป็นมาตรฐานในโรงเรียน กฎหมาย และพจนานุกรม
- ทุกวันนี้ยังเห็นร่องรอยในเลขมาตราและคำศัพท์ทางดนตรี
- สำหรับผู้เรียน 「いろは」 คือประตูที่งดงามสู่รากของภาษา
เช่นเดียวกับฤดูกาลที่หมุนเวียน ภาษาและวัฒนธรรมก็เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ฤดูใบไม้ร่วงนี้ ลองให้ 「いろは歌」 เป็นทางนำที่อ่อนโยนสู่ภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
บันทึกคำศัพท์(やさしい解説)
いろは順(いろはじゅん) | ลำดับอักษร いろは
การจัดเรียงตามลำดับ 「い・ろ・は・に・ほ・へ・と…」。เคยใช้ในพจนานุกรมและบัญชีรายชื่อแบบเก่า
五十音順(ごじゅうおんじゅん) | ลำดับ 50 เสียง
การจัดเรียงตามการออกเสียง “あ・い・う・え・お”。เป็นมาตรฐานของโรงเรียนและพจนานุกรมปัจจุบัน
いろは歌(いろはうた) | บทกวี いろは
บทกวีสั้นที่ใช้คานะ 47 ตัวอย่างละครั้ง ถ่ายทอดแนวคิดเรื่อง “無常”(ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง)ด้วยถ้อยคำอ่อนโยน
無常(むじょう) | ความไม่เที่ยง
มุมมองว่า “ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง” จึงเชื่อมไปสู่คำสอนให้ “เห็นคุณค่าของปัจจุบัน”
大乗仏教(だいじょうぶっきょう) | พุทธมหายาน
ประเพณีพุทธศาสนาที่ให้ค่ากับ “การพาผู้คนทั้งปวงให้พ้นทุกข์” ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่นและส่งผลต่อวัฒนธรรม
調和(ちょうわ) | ความกลมกลืน
ท่าทีชีวิตที่ไม่ขัดแย้งกับผู้คนและธรรมชาติ แสวงหาความสมดุล พบเห็นได้ในศิลปะอย่างพิธีชงชาและไฮกุ
Footnotes
-
ชื่อโน้ต 「ハ・ニ・ホ・ヘ・ト・イ・ロ」 ยังใช้ในทฤษฎีดนตรี ปกติในชีวิตประจำวันมักใช้ “Do Re Mi” ↩
บทความเพิ่มเติม

